งานวิจัยซึ่งเผยแพร่ในวารสารวิชาการระหว่างประเทศเมื่อเร็วๆนี้ ของ Blaire M. Kleiman และคณะ จากโครงการนิเวศเกษตร สถาบันสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยฟลอริดาเรื่อง “ความหลากหลายของแมลงผสมเกสรและผลผลิตในมะม่วง” พบว่า แปลงปลูกมะม่วงซึ่งถูกปกคลุมด้วยวัชพืชให้ผลผลิตต่อต้นมากถึงเฉลี่ย 179.37 ผล ในขณะที่ผลผลิตเฉลี่ยของแปลงที่ไร้วัชพืชครอบคลุมให้ผลผลิตเพียง 37.67 ผลเท่านั้น

ความลับของผลผลิตจากแปลงที่มีวัชพืชนั้นอยู่ที่การพบจำนวนแมลงที่ช่วยผสมเกสรที่มากกว่าอย่างชัดเจน โดยนักวิจัยพบว่ามีแมลงมากถึง 10 วงศ์ในแปลงที่มีวัชพืชมากกว่าแปลงที่ไม่มีวัชพืช ตัวอย่างเช่น แมลงในวงศ์ Apidae Calliphoridae Muscidae Syrphidae Calliphoridae Vespidae และ Chalcididae เป็นต้น

นักวิจัยชี้ว่าวิกฤตการลดลงของแมลงผสมเกสรอย่างฮวบฮาบ ส่งผลอย่างสำคัญต่อการเกษตรกรรมของโลก และมะม่วงซึ่งเป็นไม้ผลที่อาศัยแมลงเพื่อผสมเกสรได้รับผลกระทบโดยตรง

การปลูกพืชชนิดเดียวในพื้นที่ขนาดใหญ่และการใช้สารเคมีทางการเกษตรเป็นตัวการสำคัญของการสร้างผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยของแมลงผสมเกสร โดยวัชพืชหรือพืชที่ไม่ต้องการ มักเป็นแหล่งดอกไม้เพียงแหล่งเดียวที่เหลืออยู่สำหรับแมลงผสมเกสร แต่พวกมันก็ถูกกำจัดออกโดยใช้สารเคมีทางการเกษตร ดังนั้นการมีวัชพืชในแปลงเกษตรจะเอื้ออำนวยให้แมลงผสมเกสรและแมลงที่มีประโยชน์ได้อาศัย ทำให้มีจำนวนแมลงมากเพียงพอสำหรับผสมเกสร

แปลงทดลอง
จำนวนแมลงผสมเกสรในแปลงที่มีวัชพืชมีมากกว่าอย่างชัดเจน
ตารางสรุปผลการวิจัย ทั้งจำนวนแมลง และผลผลิต เปรียบเทียบ

อ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่

https://www.mdpi.com/2075-4450/12/12/1114