ปัญหาระบบอาหารเห็นได้จากการวิเคราะห์ “ผู้เล่น” ในระบบอาหารและ “สถานะของระบบอาหาร” ในปัจจุบัน
บริบทสำคัญของระบบอาหารที่สำคัญ ได้แก่
- นโยบาย เป็นตัวกำหนดทิศทางของระบบอาหาร เช่น การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
- วัฒนธรรมอาหาร เช่น วัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น และวัฒนธรรมอาหารสมัยใหม่
- ฐานทรัพยากร หมายถึง ปริมาณและความหลากหลายของทรัพยากรในแต่ละพื้นที่
- ระบบการผลิต การแปรรูป
- ระบบการกระจายสินค้า การขนส่ง และการจัดจำหน่ายสินค้า (ร้าค้าปลีก)
1) การรวมศูนย์ระบบอาหาร
การทำความเข้าใจระบบอาหาร จำเป็นต้องพิจารณาตั้งแต่ 1) ปัจจัยการผลิต 2) การผลิต 3) การแปรรูป และ 4) การค้าปลีก

เป็นข้อเท็จจริงที่ว่าในระดับโลก มีการรวมศูนย์ของ “ผู้เล่น” ในระบบอาหารอยู่เพียงไม่กี่ราย อีกทั้งยังมีแนวโน้มของการรวมศูนย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือ
ภาคปัจจัยการผลิต พบกลุ่มของบริษัทสารเคมีเพียง 3 บริษัท (มอนซานโต้+ไบเออร์ ซินเจนต้า+เคม ไชน่า และ ดาว เคมิคอล+ดูปองท์) ที่ครอบครองตลาดถึง 77% ในขณะที่ปุ๋ยเคมี 10 บริษัท ครอบครอง 55% ระบบเมล็ดพันธ์ จะคล้ายสารเคมี เนื่องจากเป็นผู้เล่นกลุ่มเดียวกัน มีเพียง 3 บริษัท ถือครองส่วนแบ่งทางการตลาดเมล็ดพันธุ์ถึง 61% และที่น่าตกใจ คือ ระบบพันธุ์สัตว์ที่ 4 บริษัท ครอบครองส่วนแบ่งถึง 99% แต่ก็พบว่า อาหารสัตว์มี 10 บริษัท ครอบครอง 16% ซึ่งนับว่ายังไม่มาก
ภาคการผลิต พบว่า การผลิตทางการเกษตรในปัจจุบัน ยังอยู่ในมือของเกษตรกรรายย่อย 85% ของการผลิตอาหารเป็นเกษตรกรรายย่อย (1,000 ล้านคน โดยเป็นแรงงานภาคเกษตร 450 ล้านคน) แม้จะมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่เพิ่มขึ้นก็ตาม
ภาคการแปรรูป พบว่ามี 10 บริษัท ที่ดำเนินกิจการแปรรูปสินค้าเกษตร คิดเป็นสัดส่วน 28%
ภาคการค้าปลีก ซึ่งจะรับผลผลิตมาขายสู่ผู้บริโภค พบว่ามี 10 บริษัทที่ถือครองการกระจายสินค้าในตลาดคิดเป็น 11% ของระบบเกษตรและอาหารของโลก
ในประเทศไทย การรวมศูนย์ของผู้ประกอบการบางรายในระบบอาหาร จากภาพจะเห็นว่า มีเพียงผู้ประกอบการไม่กี่รายที่ถือครองส่วนแบ่งธุรกิจอาหารในภาคต่างๆ โดยเมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้วจะพบว่า บริษัทที่มีสัดส่วนการถือครองในลำดับต้นๆ เมื่อรวมกันแล้วจะมีสัดส่วนการถือครองมากกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้าประเภทนั้นๆ ทั้งหมด ซึ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเกิด “การผูกขาด” ในระบบอาหารในเกือบทุกชนิดสินค้า โดยหากพิจารณาจากภาพข้างต้น จะเห็นว่าในส่วนที่เป็นสีแดง เป็นปริมาณและความครอบคลุมของการถือครองสินค้าอาหารในเกือบทุกประเภทของ “บริษัทยักษ์ใหญ่ทางการเกษตรของไทย” ที่มีการเติบโตและขยายตัวอย่างก้าวกระโดด โดยสามารถเข้ามาแทนที่บริษัทอื่นๆ ที่เคยเป็นผู้ถือครองส่วนแบ่งในอันดับต้นๆ ก่อนหน้านี้ได้เกือบทั้งหมด

2) ปัญหาระบบอาหาร
สาเหตุจากการถือครองปัจจัยการผลิต ระบบการผลิต การแปรรูป และการค้าปลีก ที่กล่ามาข้างต้น จึงเป็นที่มาของปัญหา “ทวิทุพโภชนาการ” ของโลก กล่าวคือ “เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกที่ขาดอาหาร” ลดน้อยลงไปเรื่อยๆในช่วงที่ผ่านมา แต่กลับพบว่า “เปอร์เซ็นต์ประชากรอ้วนของโลก” มีอัตราการเพิ่มขึ้น หรือเรียกว่า เกิดปัญหา “โภชนาการเกิน” ซึ่งมีสาเหตุจากข้อจำกัดของระบบการค้าสมัยใหม่ในการเลือกอาหารมาบริโภคได้ยากในปัจจุบัน

ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ การใช้สารเคมีในระบบอาหารอุตสาหกรรม นำไปสู่ผลกระทบของการเกิดโรคที่สัมพันธ์กับอาหารและสารเคมี (โรคมะเร็งและเนื้องอก โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง) โดยพบว่า อัตราการตายของคนไทย ที่เกิดจากโรคที่สัมพันธ์กับอาหารและสารเคมีเกิดขึ้นกว่า 2 เท่า ในช่วงเวลาไม่กี่ปี (พ.ศ. 2537 – 2559)

เมื่อเปรียบเทียบปริมาณการนำเข้าสารเคมีที่นำเข้ามาในปี พ.ศ. 2560 พบว่า 59.85 ล้านกิโลกรัม เป็นไกลโฟเสท ซึ่งคาดว่าจะเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โดยจะเห็นได้ว่าสัดส่วนการนำเข้า “ไกลโฟเซต” และ “พาราควอต” รวมกันแล้วมีจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของสารเคมีทั้งหมดที่มีการนำเข้า นอกจากนี้ ยังพบ คลอฟอริฟอร์ท ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงที่ ThaiPAN ตรวจพบว่ามีการตกค้างมากที่สุดในอาหาร

อย่างไรก็ตาม หากมองไปที่พื้นที่การผลิตอาหารทั้งหมดของประเทศไทย จะพบว่า สถานการณ์ผลิตอาหารในปัจจุบัน พื้นที่การผลิตอาหารเป็นเกษตรอินทรีย์เพียง 0.2% ในขณะที่พื้นที่เกษตรปลอดภัย (GAP) เพียง 1.4% แต่มีเป้าหมายปี พ.ศ. 2564 ภายใต้เป้าหมายแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ที่รัฐบาลกำหนดจะเพิ่มพื้นที่เกษตรยั่งยืนให้ได้ 3.3%

หากมองที่ระบบการผลิตผัก จะพบว่า ปริมาณผักที่ผลิตได้ในปัจจุบันอยู่ที่ 2.6 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นผักอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเพียง 4,800 ตัน (0.2%) ผักปลอดภัย (GAP) 150,700 ตัน (5.5%) ผักไฮโดรโปนิก 7,300 ตัน (0.3%)
ผลการตรวจสอบผัก GAP จาก ThaiPAN พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ผักที่ผลิตในระบบ GAP มีความปลอดภัยน้อยกว่า “ผักทั่วไป” ทั้งนี้ ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่รวม “ผักพื้นบ้าน” ที่ยังมีการผลิตและบริโภคในวิถีสังคมวัฒนธรรมชนบท

3) การกระจายอาหาร

– เมื่อพิจารณาระบบการกระจายอาหารของไทย พบว่า เมื่อ 15 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2544) สัดส่วนร้านโมเดิร์นเทรด (เช่น ร้านสะดวกซื้อ Tesco Lotus) มีเพียง 35% ของระบบการกระจายอาหารที่มีอยู่ แต่ในปี พ.ศ. 2560 กลับพบว่า สัดส่วนโมเดิร์นเทรดเพิ่มสูงขึ้นเป็น 66.4%

– การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ 1.2% ซึ่งในปี พ.ศ. 2556 มีส่วนแบ่งของตลาดอีคอมเมิร์ซเพียง 0.1% แต่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเป็น 1.2% ในปี พ.ศ. 2560

– เช่นเดียวกันกับประเทศจีน ที่อีคอมเมิร์ซมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
4) สรุปภาพรวมปัญหาของระบบอาหาร
สถานการณ์ของระบบอาหารที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้เห็นอย่างชัดเจนถึง “ปัญหาของระบบอาหาร” ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ฐานทรัพยากร (ดิน น้ำ ป่า ความหลากหลายทางชีวภาพ) ระบบการผลิต การกระจายอาหาร และวัฒนธรรมอาหาร
