นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถีหรือไบโอไทย(BioThai) องค์กรอนุรักษ์และรณรงค์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของการปลูกมะละกอในประเทศไทยว่าไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤติจนถึงกับต้องนำเข้ามะละกอแต่ประการใด
“ ตามที่มีข่าวเผยแพร่ในสื่อต่างๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พื้นที่ปลูกมะละกอในประเทศไทยและผลิตของมะละกอกำลังลดลงถึงขั้นวิกฤติจนถึงขั้นต้องนำเข้ามะละกอจากต่างประเทศนั้น (อ่านข่าว) เป็นการปั้นข้อมูลของกระทรวงเกษตรฯ และสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนให้มีการปลูกมะละกอจีเอ็มโอ ทั้งนี้เพื่อโน้มน้าวให้คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และการประชุมของคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุญาตให้มีการปลูกทดลองมะละกอจีเอ็มโอและพืชจีเอ็มโออื่นในระดับไร่นา ”
นายวิฑูรย์ ได้แถลงว่าจากสถิติขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งได้ใช้ข้อมูลจากสถิติของราชการและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและได้ประมวลอย่างเป็นระบบมานับตั้งแต่ปี 2503 และต่อเนื่องมาจนถึงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 2548 พบว่า พื้นที่ปลูกมะละกอ และผลผลิตมะละกอในประเทศไทยยังเพิ่มขึ้นโดยต่อเนื่อง เช่นในปี 2537 มีพื้นที่ปลูกมะละกอ 60,125 ไร่ และพื้นที่ปลูกมะละกอได้เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เป็น 68,750 ล้านไร่เมื่อปี 2548
ตารางแสดงพื้นที่ปลูกมะละกอของประเทศไทย พ.ศ. 2537-2548 (หน่วย : ไร่)
2537 | 2538 | 2539 | 2540 | 2541 | 2542 | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | 2547 | 2548 |
60,125 | 60,125 | 59,375 | 59,375 | 60,625 | 61,250 | 61,250 | 62,500 | 62,500 | 65,625 | 65,625 | 68,750 |
ผลผลิตมะละกอของประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยผลผลิตมะละกอเพิ่มขึ้นจาก 120,000 ตันในปี 2537 เพิ่มเป็น 131,000 ตันในปี 2548
ผลผลิตมะละกอของประเทศไทย พ.ศ. 2537-2548 (หน่วย : พันตัน)
2537 | 2538 | 2539 | 2540 | 2541 | 2542 | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | 2547 | 2548 |
120 | 120 | 115 | 115 | 118 | 119 | 119 | 120 | 120 | 125 | 125 | 131 |
ปัญหาสำคัญของเรื่องมะละกอจึงมิได้อยู่ที่ไวรัสใบด่างจุดวงแหวนแต่ประการใด เพราะประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ของโลก เช่น เม็กซิโก บราซิล รวมทั้งมาเลเซีย นั้นเป็นประเทศที่ส่งออกมะละกอรายใหญ่ของโลกได้โดยไม่ต้องใช้มะละกอจีเอ็มโอเลย แต่ก็สามารถส่งออกมะละกอคิดเป็นมูลค่า 2,052 ล้านบาท 980 ล้านบาท และ 496 ล้านบาทตามลำดับ
“หากกระทรวงเกษตรฯ ต้องการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่เอาเรื่องนี้บังหน้าเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทข้ามชาติ ควรจะหาวิธีการแก้ปัญหาเรื่องไวรัสใบด่างจุดวงแหวนด้วยวิธีอื่น หรือไม่ก็ส่งคนไปดูงานประเทศเหล่านี้แทนว่าเขาแก้ปัญหาอย่างไรมากกว่า” นายวิฑูรย์กล่าว
การอนุญาตให้มีการปลูกทดลองจีเอ็มโอในระดับไร่นากลับสร้างปัญหาให้กับประเทศมากกว่า เพราะนับตั้งแต่มีการพบว่ามะละกอจีเอ็มโอที่ปลูกระหว่างอนุญาตให้มีการปลูกในแปลงทดลองหลุดลอดออกไปปลูกในแปลงเกษตรกรเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2547 มูลค่าการส่งออกมะละกอของไทยก็ลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้าในยุโรปต่างหันไปซื้อมะละกอจากประเทศอื่นแทน ห้างสรรพสินค้าบางห้าง เช่น เทสโก้ หยุดสั่งซื้อมะละกอจากประเทศไทยไปเลยนับตั้งแต่บัดนั้น ตัวเลขการส่งออกเมื่อปี 2545 ซึ่งก่อนเหตุการณ์ระบาดของมะละกอจีเอ็มโอนั้นมีการส่งออกมะละกอประมาณ 30 ล้านบาท แต่ก็ลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นในปี 2548 เพราะปัญหาดังกล่าว
มูลค่าการส่งออกมะละกอของไทย พ.ศ.2539-2548 ( หน่วย : ล้านบาท)
2539 | 2540 | 2541 | 2542 | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | 2547 | 2548 |
0.256 | 1.248 | 0.96 | 2.588 | 6.208 | 11.936 | 29.909 | 26.976 | 19.379 | 14.400 |
“เบื้องหลังการผลักดันและปั้นตัวเลขนั้น เกิดขึ้นจากกระแสการผลักดันของบรรษัทข้ามชาติทรงอิทธิพลซึ่งมีผลประโยชน์มหาศาลที่จะได้ประโยชน์จากพืชจีเอ็มโอ ทั้งกรณีมะละกอ ข้าวโพด และฝ้าย ซึ่งคนที่ติดตามเรื่องเหล่านี้ทราบดีว่า กลุ่มผู้ผลักดันให้มีการทดลองจีเอ็มโอในไร่นาและผลักดันให้มีการปลูกในเชิงพาณิชย์นั้นล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดบริษัทข้ามชาติบริษัทดังกล่าว กลุ่มเหล่านี้รีบเร่งที่จะให้มีการอนุมัติเรื่องจีเอ็มโอโดยเร็วเพราะไม่มั่นใจว่ารัฐบาลใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นจะมีนโยบายเรื่องจีเอ็มโออย่างไร เพราะที่ผ่านมานั้น พรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย และเพื่อแผ่นดิน มีแนวโน้มที่จะไม่ยอมรับเรื่องจีเอ็มโอ และมีความพยายามที่จะล็อบบี้พรรคการเมืองดังกล่าวให้เปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของตน” นายวิฑูรย์กล่าว