จากกรณีที่มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน(ประเทศไทย) ซึ่งมีศาสตราจารย์ระพี สาคริก เป็นประธาน พร้อมด้วยกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอว็อทช์) และองค์กรภาคประชาชนมากกว่า 100 องค์กร ได้เคลื่อนไหวคัดค้านการเปิดเสรีการลงทุน หรือ ACIA (ASEAN Comprehensive Investment Agreement)ในกิจการเพาะและขยายพันธุ์พืช การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการปลูกป่า โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมาว่ารู้สึกห่วงใยข้อตกลงการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรดังกล่าว และได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวน

ศ.ระพี สาคริก ได้แถลงว่า ขอขอบคุณที่รัฐบาลได้แสดงท่าทีห่วงใยต่อข้อท้วงติงของเกษตรกรและภาคประชาชน แต่ตนเองยังอดเป็นห่วงไม่ได้ เนื่องจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการเจรจา เช่น บีโอไอ และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศยังคงเดินหน้าผลักดันการเปิดเสรีการลงทุน มีการโหมโฆษณาผ่านสื่อต่างๆว่าการเปิดเสรีจะไม่มีผลกระทบ เพราะมีกฎหมายภายในคอยกำกับอยู่ ซึ่งไม่เป็นความจริง “รัฐบาลต้องพิสูจน์ตัวเองว่า ไม่ได้สัมภาษณ์เพียงเพื่อลดกระแสต่อต้าน รัฐบาลมีความชอบธรรมและมีอำนาจในการสั่งการให้หน่วยราชการดำเนินการตามนโยบายได้อย่างเต็มที่เพราะเป็นนโยบายที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน  แต่หากรัฐบาลพูดอย่างแต่หน่วยงานของรัฐทำตรงกันข้ามดังที่เป็นอยุ่ ประชาชนอาจเข้าใจว่ารัฐบาลนี้ไม่จริงใจ ก็ได้” ศ.ระพี กล่าว

นายวีรวัธน์ ธีระประสาธน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า การอ้างว่าเรามีกฎหมายภายในที่ป้องกันต่างชาติอยู่แล้วนั้นไม่เป็นความจริง เพราะ พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ.2535  และระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้ทำการปลูกสร้างสวนป่าหรือปลูกไม้ยืนต้นภา ยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2530 (อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 ของพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507)นั้น เปิดช่องให้เอกชนทั้งไทยและบริษัทนอมินีของต่างชาติเข้ามาทำป่าไม้ได้โดยง่ายอยู่แล้ว การเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนภายใต้ข้อตกลง ACIA จะยิ่งทำให้ต่างชาติแห่เข้ามาลงทุนปลูกป่าและใช้ประโยชน์จากที่ดินในเขตป่าอย่างขนานใหญ่ “แทนที่จะแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรและเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรในเขตป่า หน่วยงานของรัฐกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม คือการยกสิทธิในการใช้ประโยชน์จากที่ดินและทรัพยากรให้กับบริษัทต่างชาติ”  นายวีรวัธน์ กล่าว

นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ตัวแทนจากกลุ่มเอฟทีเอว็อทช์ แถลงว่า เครือข่ายขององค์กรภาคประชาชนซึ่งขณะนี้ได้ลงนามคัดค้านการเปิดเสรีแล้วกว่า 100 องค์กร/เครือข่าย จะยังคงเคลื่อนไหวต่อไป เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีหลักประกันว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการเพื่อคงข้อสงวนการเปิดเสรีการลงทุนใน 3 สาขา และสาขาบริการที่เกี่ยวข้องได้ เนื่องจากต้องผ่านการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 นี้ก่อน และหลังจากนั้น คณะเจรจาและรัฐบาลจะมีเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือนที่จะผลักดันให้การเจรจาความตกลง ACIA บรรลุผล ในกรณีที่ข้อตกลง ACIA ไม่สามารถตกลงได้ สิ่งที่ภาคประชาชนเป็นห่วงคือ ในกรณีดังกล่าวอาจทำให้ข้อตกลงเดิมคือ AIA (ASEAN Investment Agreement) ซึ่งลงนามตั้งแต่ปี 2541 มีผลบังคับใช้แทน และทำให้มีการเปิดเสรีการลงทุนใน 3 สาขาไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก “เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนขอส่งสัญญาณเตือนต่อรัฐบาลว่า ต้องเตรียมที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว เช่น การระดมนักกฎหมายระหว่างประเทศที่เชี่ยวชาญข้อบทด้านการลงทุนมาเป็นที่ปรึกษา อย่าได้ไว้ใจคณะเจรจาที่ผ่านมา เพราะผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์ว่า ไม่มีประสบการณ์และมีความสามารถพอในการเจรจาในเรื่องที่มีความสำคัญเช่นนี้ได้ นี่เป็นการพิสูจน์ฝีมือและความจริงใจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตัวแทนกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชนกล่าว

อนึ่งเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน และสถาบันทางวิชาการหลายแห่งเตรียมที่จะแถลงจุดยืนและข้อเสนอต่อรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 นี้


องค์กรที่ร่วมลงนามคัคค้าน

การเปิดเสรีการทำกิจการเพาะขยายหรือปรับปรุงพันธุ์พืช

การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และ การทำป่าไม้จากป่าปลูก

ภายใต้ความตกลงเสรีการลงทุนอาเซียน (ACIA)

จำนวน 102 องค์กรและเครือข่าย

(ณ  2 พ.ย 2552) 

จังหวัดรายนามองค์กรและเครือข่าย
กรุงเทพฯมูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย), มูลนิธิชีวิตไท (ราฟ่า), เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอว็อทช์), มูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ, มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ, สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง, มูลนิธิบูรณะนิเวศน์, มูลนิธิสุขภาพไทย, โครงการศึกษาและปฏิบัติการงานพัฒนา (โฟกัส), มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิพัฒนาการแพทย์แผนไทย, มูลนิธิเภสัชชนบท, ชมรมเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, หน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม (วจภส.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ, สมาพันธ์แพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย, เครือข่ายสุขภาพวิถีไท, สมาคมผู้ประกอบการสวนกล้วยไม้ไทย
สุพรรณบุรีมูลนิธิข้าวขวัญ
นครปฐมชมรมเรารักแม่น้ำท่าจีนจังหวัดนครปฐม, ชมรมลุ่มน้ำท่าจีนจังหวัดนครปฐม, มูลนิธิลุ่มน้ำท่าจีนจังหวัดนครปฐม, สภาลุ่มน้ำท่าจีนจังหวัดนครปฐม, ศูนย์การเรียนรู้พี่น้องสองตำบลจังหวัดนครปฐม
สมุทรสงครามเครือข่ายเกษตรกรจังหวัดสมุทรสงคราม
สมุทรสาครเครือข่ายศูนย์การเรียนรู้เกษตรธรรมชาติเพื่อนหลักห้า เพื่อการพึ่งพาตนเอง จังหวัดสมุทรสาคร
ราชบุรีเครือข่ายอนุรักษ์ป่าเทือกเขาตะนาวศรีจังหวัดราชบุรี, เครือข่ายรักษ์ลุ่มน้ำแม่กลองจังหวัดราชบุรี, ประชาคมจังหวัดราชบุรี, ศูนย์ประสานงานเครือข่ายเกษตรชนบทพึ่งตนเอง ตำบลดอนแร่ จังหวัดราชบุรี
จันทบุรีเครือข่ายเกษตรอินทรีย์จันทบุรี, เครือข่ายเกษตรอินทรีย์บูรพา
ฉะเชิงเทราเครือข่ายป่าตะวันออก
เพชรบุรีกลุ่มฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรี, กลุ่มเยาวชนอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชายฝั่ง ตำบลบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี, ศูนย์ประสานงานเพื่อการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดเพชรบุรี, กลุ่มพัฒนาชีวิตและวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี
กาญจนบุรีกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ จังหวัดกาญจนบุรี, เครือข่ายปฏิรูปสื่อภาคประชาชนจังหวัดกาญจนบุรี, เครือข่ายป่าต้นน้ำภาคตะวันตก, เครือข่ายอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกและเทือกเขาตะนาวศรีจังหวัดกาญจนบุรี, กลุ่มพิทักษ์สิทธิผลประโยชน์ประชาชนตามรัฐธรรมนูญ อำเภอไทรโยค  จังหวัดกาญจนบุรี, เครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดกาญจนบุรี, กลุ่มเกษตรห้วยตะเคียนพัฒนา ตำบลหนองโสน จังหวัดกาญจนบุรี, กลุ่มเครือข่ายเกษตรบ้านวังหิน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี, กลุ่มส่งเสริมจริยธรรมจังหวัดกาญจนบุรี, กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบ้านพุเตย อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี, กลุ่มปลูกผักปลอดสาร ตำบลท่ามะขาม จังหวัดกาญจนบุรี, เครือข่ายป่าต้นน้ำจังหวัดกาญจนบุรี, ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติท่ามะขามจังหวัดกาญจนบุรี, กลุ่มอนุรักษ์ชุมชนเมืองจังหวัดกาญจนบุรี, ชมรมนักพัฒนาภาคตะวันตก, เครือข่ายจากภูผาสู่มหานที, เครือข่ายธนาคารต้นไม้     
น่านสมาพันธ์เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวโพดจังหวัดน่าน เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดน่าน, เครือข่ายหมอเมืองล้านนา จ.น่าน
แพร่ศูนย์พัฒนาเครือข่ายองค์กรชาวบ้านเพื่อการพึ่งตนเอง, เครือข่ายหมอเมืองจังหวัดแพร่, ชุมชนบ้านแม่พุงหลวง  ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่
ลำปางเครือข่ายหมอเมืองล้านนา จ.ลำปาง 
แม่ฮ่องสอนครือข่ายหมอเมืองล้านนา, เครือข่ายผญาสุขภาพล้านนา
เชียงใหม่เครือข่ายหมอเมืองล้านนา จ.เชียงใหม่
เชียงรายเครือข่ายรักษ์ม่อนยาป่าแดด, เครือข่ายลุ่มน้ำ จ.เชียงราย
พะเยาเครือข่ายหมอเมืองลุ่มกว๊านพะเยา
อุบลราชธานีเครือข่ายปกป้องลุ่มน้ำมูลตอนปลาย จ.อุบลราชธานี, สถาบันนิเวศชุมชน จ.อุบลราชธานี, เครือข่ายหมอพื้นบ้าน จ.อุบลราชธานี, เครือข่ายอนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นบ้าน จ.อุบลราชธานี, โครงการข้าวปลาอาหารอีสานมั่นยืน ศูนย์อีสานมั่นยืน  คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
สกลนครเครือข่ายหมอพื้นบ้าน
สุรินทร์เครือข่ายหมอพื้นบ้าน จ.สุรินทร์, ศูนย์ตะบันไพร จ.สุรินทร์, เครือข่ายสุขภาพวิถีไทอีสาน
กาฬสินธุ์กลุ่มเกษตรอินทรีย์ตำบลหนองตอกแป้น อำเภอยางตลาด, กลุ่มผ้าฝ้ายยอมครามตำบลสายนาวัง อำเภอนาคู, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกกาฬสินธุ์ – นครพนม อำเภอนาคู
ยโสธรโรงสีข้าวชมรมรักษ์ธรรมชาติ  อำเภอกุดชุม, ศูนย์สุขภาพและพัฒนาวัตถุดิบสมุนไพรชุมชนวัดท่าลาด บ้านท่าลาด  ตำบลนาโส่ อำเภอกุดชุม , ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกยโสธร ตำบลกำแมด อำเภอกุดชุม, ศูนย์ประสานงานสุขภาพประชาชนเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกยโสธร ตำบลกำแมด อำเภอกุดชุม
มหาสารคามกลุ่มพัฒนาอาชีพการเกษตรบ้านขี้เหล็ก ตำบลขวาใหญ่ อำเภอกันทรวิชัย, กลุ่มข้าวไร่บ้านทิพโสด ตำบลดอนกลาง อำเภอโกสุมพิสัย, กลุ่มเกษตรผสมผสานบ้านแมด-ส่องนางใย ตำบลตลาด อำเภอเมือง, กลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองคู-ศรีวิไล ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง
ร้อยเอ็ดกลุ่มเกษตรผสมผสานลุ่มน้ำเสียว ตำบลกู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย, กลุ่มเกษตรอินทรีย์ลุ่มน้ำเสียวน้อย ตำบลหินกอง อำเภอสุวรรณภูมิ, กลุ่มพัฒนาชีวิต และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอำเภอปทุมรัตน์ ตำบลหนองแคน อำเภอปทุมรัตน์
ตรังมูลนิธิอันดามัน, สมาพันธ์ประมงพื้นบ้านภาคใต้, โครงการเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา
พังงาเครือข่ายชุมชนชายฝั่งอ่าวพังงา, โครงการความมั่นคงทางด้านอาหารชุมชนชายฝั่งอ่าวพังงา
สงขลาเครือข่ายผักพื้นบ้านอาหารท้องถิ่น คาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ประจวบคีรีขันธ์กลุ่มทรัพยากรสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ, กลุ่มอนุรักษ์บ่อนอก, เครือข่ายผู้บริโภคภาคตะวันตก, กลุ่มเครือข่ายประชาสังคมจังหวัดประจวบฯ, ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงป่าละอูจังหวัดประจวบฯ