ความคิดเห็น ข้อเท็จจริง และข้อเสนอกรณีคำชี้แจงของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
กรณีการดำเนินการตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550
คำชี้แจงของบีโอไอความคิดเห็นและข้อเท็จจริงข้อเสนอเชิงกระบวนการ
1.1 กรมสนธิสัญญายืนยันว่ารายการข้อสงวนภายใต้ความตกลง ACIA เป็นหนังสือสัญญาที่มีผลผูกพันด้านการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา2.1 เห็นด้วยกับการตีความของกรมสนธิสัญญา3.1 ขอหนังสือยืนยันจากกรมสนธิสัญญาและคำอธิบายเพิ่มเติมโดยละเอียด
1.2 การเจรจาข้อสงวนดังกล่าวไม่ต้องเสนอกรอบต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณา เพราะรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบความตกลงไปแล้ว และรายการข้อสงวนดังกล่าวถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง ไม่มีการเจรจาและไม่มีการลงนาม2.2 รัฐสภาเห็นชอบความตกลง ACIA ในส่วนตัวบท ตารางข้อสงวนเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและมีความสำคัญมาก (ดังคำอธิบาย 2.1) ขณะนี้ยังคงมีการเจรจาและยังเจรจาไม่แล้วเสร็จ (การไม่เจรจา เพื่อให้ข้อผูกพันที่ลงนามไว้ในปี 2541 ต้องเปิดเสรีภายในปี 2553 เป็นท่าทีเฉพาะหน่วยราชการไทยเท่านั้น) ถ้าหากไม่มีการเจรจาจริงตามที่แจ้ง ความตกลง ACIA คงมีผลโดยสมบูรณ์ไปแล้ว และคงไม่มีการประชุมของ CCI เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ประการใด3.2 รัฐบาลควรดำเนินการดังนี้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาหรือศาลรัฐธรรมนูญตีความเพิ่มเติมเพราะมีหลายครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความขัดแย้งกับความเห็นของกรมสนธิสัญญา เช่น กรณีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และ กรณีเขาพระวิหารควรเรียกเอกสารสรุปการประชุมของ CCI จากฝ่ายเลขานุการของ CCI หรือสำนักเลขาธิการอาเซียนมาประกอบว่าความเป็นจริงเป็นเช่นไร
กรณีหน่วยงานราชการในกระทรวงเกษตรฯคัดค้านการเปิดเสรีการลงทุน
คำชี้แจงของบีโอไอและกรมเจรจาฯข้อโต้แย้งข้อเสนอเชิงกระบวนกา
1.3 ได้มีการจัดประชุมหารือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 6 ครั้ง ส่งหนังสือไปสอบถามและสอบถามเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ และไม่ปรากฏว่ามีผู้คัดค้า2.3 บีโอไอและกรมเจรจาตั้งธงว่าจะมีการเปิดเสรีสถานเดียวไม่มีทางเลือกอื่น- หน่วยงานราชการที่คัดค้านถูกชักจูงให้ยอมรับการเปิดเสรีโดยอ้างว่าต้องทำตามพันธกรณีโดยเราไม่สามารถเจรจาเพื่อขอสงวนได้- กรมประมงได้แจ้งให้ทราบว่าได้คัดค้านและเสนอให้มีการศึกษาอย่างรอบคอบก่อนแต่ถูกละเลยไม่ให้ความสำคัญ3.3 ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยราชการที่คัดค้านให้หน่วยงานราชการที่คัดค้าน ชี้แจงว่าทำไมถึงไม่ได้คัดค้านการเปิดเสรีก่อนการประชุมของกนศ.เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552ขอข้อมูลผลการประชุมรับฟังความคิดเห็นของกรมประมง และหนังสือของกรมประมงที่แจ้งต่อบีโอไอและกรมเจรจาขอข้อมูลจาก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมการข้าว เพิ่มเติม
การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
คำชี้แจงของบีโอไอข้อโต้แย้งข้อเสนอเชิงกระบวนการ
1.4 บีโอไอได้ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซท์ หนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุ จัดบรรยาย รวมทั้งจัดการประชุมให้ประชาชนหลายภาคส่วนมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการจัดทำข้อสงวนแล้ว2.4 ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนและไม่ครอบคลุมผู้เข้าร่วมประชุมมิได้รับรู้สาระที่สำคัญและจำเป็นต่อการพิจารณาการจัดทำข้อสงวน เช่น การวิเคราะห์ผลกระทบจากการเปิดเสรี การเปรียบเทียบตารางข้อสงวนของประเทศอื่นๆภายใต้ AIA เป็นต้นมิได้เชิญกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเข้ารับฟังอย่างทั่วถึงผู้ที่มีโอกาสพูดบนเวที มีเฉพาะผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการลงทุนเท่านั้น3.4 ขอเอกสารและหลักฐานว่าได้มีการดำเนินการปรึกษาหารือและได้รับข้อมูลที่เพียงพอหรือไม่ เช่นเอกสารประกอบการประชุมที่จัดขึ้นโดยบีโอไอ รายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม รายชื่อวิทยากรที่พูดบนเวที เอกสารสรุปการประชุม หรือเทปบันทึกเสียงและภาพระหว่างการประชุมรับฟังความคิดเห็นขอรายชื่อของ NGO ภาคเอกชน และภาควิชาการที่อ้างว่ามีการจัดประชุมชี้แจงเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 หลังจากได้รับทราบท่าทีของกนศ.ว่าครอบคลุมเพียงใด
แม้มีการเปิดเสรี แต่ต่างชาติต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเงื่อนไขที่ไทยกำหนด
คำชี้แจงของบีโอไอข้อโต้แย้งข้อเสนอเชิงกระบวนการ
1.5 ในกรณีการปลูกป่า ต่างชาติไม่สามารถถือครองที่ดินได้ ตามพ.ร.บ.ที่ดิน ไม่สามารถทำไม้ได้เพราะกฎหมายไทยไม่อนุญาตต่างชาติครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์2.5 นักลงทุนต่างชาติจะสามารถปลูกป่าและทำไม้ได้ โดย ใช้วิธีเช่าพื้นที่ซึ่งไม่มีกฎหมายไทยห้ามเอาไว้ การเช่าพื้นที่สามารถทำได้ทั้งที่เป็นการเช่าที่เอกชน และพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมของรัฐพ.ร.บ. เลื่อยโซ่ยนต์ขัดขวางการลงทุน เมื่อต่างชาติได้รับอนุญาตให้ปลูกป่าแล้ว อุปสรรคที่ห้ามบริษัทต่างชาติมิให้ใช้ประโยชน์จากไม้ที่ปลูกไม่อาจทำได้กฎหมาย ไทยที่ช่องว่างมากอยู่แล้วการเปิดเสรีจะยิ่งทำให้ต่างชาติเข้ามาครอบครอง ทรัพยากรได้โดยง่ายยิ่งขึ้น เช่น ในกรณีการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นจะใช้วิธีจัดตั้งบริษัท โดยให้คนไทยถือหุ้นใหญ่แต่ใช้ช่องว่างตามกฎหมายให้ผู้ถือหุ้นคนไทยเป็นหุ้น ด้อยสิทธิ์ที่ไม่สามารถออกเสียงและไม่ได้รับการปันผล3.5 รัฐบาลควรจัดประชุม เพื่อให้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม โดยหน่วยงานวิจัยและนักวิชาการที่ไม่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์จากการ เจรจา
1.6 ในกรณีการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำในพื้นที่สาธารณะต้องเป็นผู้ประกอบการไทยเท่านั้น2.6 รัฐบาลต้องให้สิทธิต่างชาติตามหลักปฏิบัติเยี่ยงคนชาติหากเปิดเสรี  3.6 ขอความเห็นเพิ่มเติมจากนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ และการรวบรวมกรณีการฟ้องร้องรัฐของนักลงทุนภายใต้บทบัญญัติการคุ้มครองนักลงทุนของ FTA ต่างๆ เช่น NAFTA เป็นต้น  
1.7 รัฐบาลยังสามารถออกมาตรการอื่นใดอีกก็ได้เพื่อห้ามประกอบอาชีพสงวนของคนไทย ห้ามต่างชาติลงทุนในพันธุ์พืชหรือสัตว์สงวนของไทย2.7 การทำความตกลงเปิดเสรีแบบ negative list ต้องสงวนเอาไว้ใน รายการ sensitive list เท่านั้นจึงจะมีผลสงวน และจะต้องมีการสงวนก่อนความตกลงมีผลบังคับใช้ มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการละเมิดความตกลง3.7 รัฐบาลไทยควรดูการจัดทำตารางข้อสงวนใน sensitive list ของ อินโดนีเซีย ซึ่งจะเห็นว่ามีการสงวนอาชีพเกษตร อาชีพที่มีผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น และทรัพยากรชีวภาพ (genetic resources หรือ biodiversity) ไว้อย่างรอบคอบ
1.8 ไทยมี พ.ร.บ.พันธุ์พืชปี 2518 ที่ห้ามส่งออกพันธุ์พืชสงวนออกนอกประเทศ ในกรณีที่ต่างประเทศมาลงทุนเพาะและขยายพันธุ์พืช2.8 พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวห้ามส่งออกพันธ์พืชเพียง 11 ชนิด ดังนั้นจึงไม่ครอบคลุมพันธุ์พืชส่วนใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ต่างชาติยังจะ สามารถตั้งหน่วยเพาะและขยายพันธุ์พืชเพื่อเข้าถึง(access) และนำไปสู่การวิจัยจดสิทธิบัตร ทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยได้โดยง่าย3.8 ควรจัดทำการศึกษาอย่างรอบคอบเพราะมีช่องโหว่ของกฎหมายฉบับอื่นอีก เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช 2542 ซึ่งกำลังถูกผลักดันโดยบริษัทเมล็ดพันธุ์ให้มีการแก้ไขเกี่ยวกับการเข้าถึง และแบ่งปันผลประโยชน์ เป็นต้น
1.9 บีโอไออ้างว่าที่ผ่านมาได้ส่งเสริมการลงทุนให้กับบรรษัทข้ามชาติไปแล้วเป็นจำนวนมาก เช่น มอนซานโต้ และไบเออร์ เป็นต้น2.9 คำโต้แย้งของบีโอไอฟังไม่ขึ้น เนื่องจากการส่งเสริมการลงทุนนั้นอยู่ในการวินิจฉัยเป็นคราวๆของฝ่ายบริหาร และอาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้ตามความเหมาะสมและตามสถานการณ์ การส่งเสริมของบีโอไอในบางกรณีนั้นทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น การส่งเสริมการลงทุนให้บรรษัทไบเออร์ครอปไซส์ ขัดกับนโยบายของกรมการข้าวที่ไม่ส่งเสริมพันธุ์ข้าวลูกผสม ทำให้เกิดการผูกขาด และจะสร้างปัญหาเรื่องคุณภาพของข้าวไทยในระยะยาว 2.9 ควรประเมินการลงทุนของบีโอไอที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่เกี่ยวกับ การเกษตรและทรัพยากรว่าได้ผลตามเจตนารมย์ของการส่งเสริมการลงทุนหรือทำให้ เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อเกษตรกรและประเทศชาติอย่างไร